Driving Trip in Bali



ก่อนเริ่มทริปนี้ศึกษามาเยอะมากว่าแบบเราไปควรจะเช่ารถขับเองหรือจ้างคนขับรถ
แต่คือตวงแล้ว บาหลีเป็นทริปที่อยากพักผ่อน สบายๆ ชิวๆ ไม่มีเวลาอะไรแน่นอนเลย
เลยเช่ารถขับเองซึ่งก็ถือว่าตัดสินใจถูกนะคะ ถึงทางจะคดเคี้ยว ขึ้นเขาอันตราย แต่มันชิวกว่าเยอะ

เนื่องจากบาหลีมีทางที่คดเคี้ยว ถึงแม้ระยะทางจะได้ไกลกันมาก แต่ด้วยถนนแล้วมันจะใช้เวลาพอสมควร เราจึงแบ่ง area ในการเที่ยวพร้อมทั้งจองโรงแรมในระแวกนั้นๆเพื่อความสะดวก และประหยัดเวลาการเดินทางดังนี้



Bali Plan

Day1 Ubud
Ubud Water Palace
Ubud Art Market
Stay at Anumana Ubud Hotel

Day2 Ubud
Kintamanee and Mount Batur
Besakih Temple
Rice Terrace
Tirta Empul Temple
Oka Agriculture
Stay at Tejaprana Resort and Spa

Day3 Seminyak
Tana Lot Temple
Potato Head Beach Club
Stay at Equilibria Seminyak Hotel

Day4 Uluwatu
Uluwatu Temple
Padang Padang Beach
Dinner at Jimbaran Beach
Stay at Hideaway Villas Bali

คราวนี้จะแยกเป็นหัวข้อสำคัญๆที่คนไปเที่ยวทุกคนอยากรู้ก่อนเป็นเรื่องๆนะคะ

Money         สกุล IDR รูเปีย ซึ่ง 10,000 IDR มีค่าเท่ากับ 26-27 บาท แลกไว้นิดหน่อย แล้วพก usd ไปจะดีกว่าจะ อยากใช้ก็ค่อยแลกที่นู่น ไม่ขาดทุนค่ะ

Electricity   220V รูเสียบเป็น 2 รู กลมๆ

Simcard      หาซื้อได้เลยที่สนามบิน เดินออกมาเลี้ยวซ้ายก่อนถึง duty free มีให้เลือกทั้ง internet only และ internet and call สำหรับ Internet Only 12GB 400,000 IDR หรือประมาณ 1,040 บาท เล่นได้เหลือเฟือ สัญญาณดี อ่าน google map ได้

การเดินทาง   สามารถเลือกได้ตามความถนัด ถ้าขับรถไม่แข็งมาก ไม่ชำนาญการขึ้นเขาก็แนะนำเช่ารถแบบมีคนขับนะคะ
        
         เช่ารถพร้อมคนขับ ราคาไม่สูงอย่างที่คิดค่ะ อย่างถ้าทริปของเราสี่วันราคาอยู่ที่ประมาณ 6,000 บาท

         เช่ารถขับเอง เราเช่าที่ Balirentscar.com เป็นเกียร์ออโต้ Toyoya Agya คันเล็ก วันละ 25 usd พร้อมประกันเบื้องต้น 4 วันก็ 100 usd หรือ 3,500 บาทค่ะ ค่าน้ำมันถือว่าถูก 4 วันใช้น้ำมัน 1 ถัง ราคาจำเป๊ะๆไม่ได้ค่ะ ประมาณ 1,000-1,200 บาท จอดรถก็อาศัยความสามารถและดวงนิดนึงค่ะ บางสถานที่ที่ไม่มีที่จอดรถให้ ก็ต้องจอดข้างทางค่ะ

Shopping     สวรรค์คนรักสีมัดย้อมคะ โทนสีที่นี่แบบพาสเทลสวย มีเทสในการเลือกสีแบบสุดๆ ของ handmade เค้าค่อนข้างน่ารักมากๆค่ะ อันนี้ต้องยอมรับว่าของเค้าดีจริงค่ะ มี outlet havanas ด้วยค่ะ

Food            โดยส่วนตัวอาหารที่นี่ก็พอทานได้ค่ะ Nasi Goreng คือข้าวผัด Mie Goreng คือก๋วยเตี๊ยวแห้ง Seafood ค่อนข้างสดค่ะ ราคาก็ถ้าร้าน Local ก็ประมาณ 20,000-30,000 IDR หรือ 60-100 บาทค่ะ  ร้าน tourist ก็ราคาสูงกว่าเป็นปกติ

Accommodation     ที่พักที่นี่ราคาตามคุณภาพเลยค่ะ ถือว่าราคาไม่สูงเลย เดี๊ยวจะมาเขียนรีวิวที่พักทีหลังนะคะ เพราะพักทั้งหมด 4 ที่เลย


วันแรก Ubud

เรามาถึงที่สนามบิน  Ngurah Rai เวลา 11 โมงเป๊ะ


กว่าจะผ่านตม รอรับกระเป๋า ซื้อ simcard ที่นู่นก็ใช้เวลาพอสมควร
บริษัทรถที่เราเช่าเค้าจะมาชูป้ายชื่อเราเอาไว้เลยค่ะ พาเราเดินไปที่จอดรถ ตรวจเชครถ จ่ายเงิน
แล้วเราก็เอารถไปได้เลย กว่าจะได้ออกมาก็ปาเข้าไปเที่ยงครึ่งแล้ว หิวมาก 

ร้านแรกเราเลือกทานร้านนี้ค่ะ Hog Wild เค้าดังเรื่อง Grilled Pork Ribs 
ร้านมีความเก๋ไก๋ตกแต่งสวยค่ะ ร้านนี้อยู่แถวๆ Seminyak รสชาติอร่อยอย่างที่คาดไว้เลยค่ะ





ทานเสร็จเราก็แวะ ไปดูหาดซะหน่อยแต่ไม่ได้ถ่ายรูปมาค่ะ ไม่ค่อยสวยเลยทั้งน้ำทั้งหาด
และก็มุ่งหน้าขับรถขึ้นไปตรง Ubud ค่ะ ใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงเต็มก็ถึงโรงแรม 
Anumana Ubud Hotel เช็คอิน เก็บของล้างหน้าล้างตา พักแป๊บนึง ก็ไปทีแรกซึ่งไม่ไกลจากโรงแรมเลยค่ะ ประมาณ 10 นาที  

Ubud Water Palace ที่นี่สวยตรงสระบัวทางเข้าด้านหน้า และมีสตาบัคแบบ local ตั้งอยู่ทางเข้าเลยค่ะ





แล้วก็มาเดินต่อที่ Ubud Art Market อย่างที่บอกค่ะ เดินไปเรื่อยๆซื้อของไปเรื่อยๆ ของน่ารักมากๆจริงๆค่ะ มัดย้อมโดนใจสุดๆ ร้านจะเริ่มทะยอยปิดตอนห้าถึงหกโมงเย็นค่ะ


เดินเพลินๆ เหนื่อยก็หาอะไรทานแถวนั้นให้คน Local แนะนำร้านที่ไม่มีtourist กินอ่ะค่ะ อยากลองดูที่รสชาติเดิมๆของคนที่นั่นเป็นยังไง ก็อร่อยดีนะคะ แต่อาหารจะมันมากๆ
ทานเสร็จก็กลับมาที่โรงแรมค่ะ เล่นน้ำพักเหนื่อย

วันที่สอง Ubud

ตื่นเช้าทานอาหารเช้าของทางโรงแรม ก่อนมุ่งหน้าไป Kintamanee and Mount Batur ใช้เวลาชั่วโมงครึ่งกว่าจะถึงจุดที่เห็นเขาจากมุมนี้ จริงๆ ก็ไม่ต้องเสี่ยงชีวิตฝ่ารถขนดินขึ้นเขาทางคดเคี้ยว ขนาดนั้นก็ได้ค่ะ มีจุดที่เห็นวิวจากมุมสูงก็สวย แต่ไหนๆก็มาแล้ว เลยเอาซะหน่อย ถ้าขับเองแนะนำว่าอย่ามาค่ะ อันตรายจริงๆ





ไปต่อกันที่ Besakih Temple จากเขาใช้เวลาประมาณ ชั่วโมงนิดนิดก็ถึงวัดนี้ค่ะ มีที่จอดรถให้ พอจอดรถเสร็จก็เอาแล้ว สมคำร่ำลือ ว่าวัดนี้มาเฟียเยอะ ขูดรีดไถเงินตั้งแต่จอดรถเสร็จ ก็จะมีป้อม tourist แบบเก็บค่าเข้า คือไม่ให้ก็ไม่ได้ ค่าเช่าโสร่ง ค่าจอดรถบ้าบอไรไม่รู้ แล้วตั๋วเข้าก็แบบเหี่ยวมากคือเหมือนแบบ reuse มา ไม่อยากเรียกพวกนี้ว่ามาเฟียเลยค่ะขอเรียกว่าขอทานหรือโจรก็แล้วกัน พอเดินเข้าไปตรงทางจะขึ้น ก็มาอีกและ ถ้าจะขึ้นต้องจ่ายตังเพิ่ม เพราะบลาๆๆๆๆๆเหตุผลล้านแปดพันเก้าจากบรรพบุรุษนาง พร้อมโชว์บัตรว่าตัวเองแบบถูกกฎหมายนะ ชั้นมีใบอนุญาตไกด์ นางก็บอกเนี่ยเดี๊ยวขึ้นไปก็จะมีอีกหลายประตูที่ต้องจ่าย เราเลยถามว่า ไม่รู้สึกอะไรหรอที่มาขูดรีดเงินนักท่องเที่ยวที่สถานที่ศักด์สิทธิ์ ทำไมถึงทำกันแบบนี้ ก็ไม่รู้ว่าเข้าใจกันกี่มากน้อยแต่นางบอกว่า คนมาจากหลายที่ ต่างถิ่น ก็ทำแบบนี้กันหมดอะ คือรำคาญมากค่ะ เป็นคนขี้รำคาญไม่มีความพยายามจะสู้ขนาดนั้นอะ ต่อให้สวยให้ตายก็ไม่พยายามค่ะ รู้สึกว่าก็คนเหมือนกันจะมาหลอกกัน เอาเปรียบกันขนาดนี้เพื่อ? เลยถ่ายรูปแค่ข้างหน้าแล้วก็ข้ามๆมันไปค่ะ คือตอนพวกเปรตนี่มาขอส่วนบุญ ก็เห็นตำรวจยืนอยู่นะ ทำไมไม่คิดจะทำอะไรเลยงง





ขับรถจากวัดมาประมาณหนึ่งชั่วโมงก็ถึง Rice Terrace หรือนาขั้นบันได้ของบาหลีนั่นเอง เราจอดรถแล้วทานข้าวที่ร้าน Rice Terrace Cafe อาหารพอใช้ได้ ราคา tourist เห็นวิว Rice Terrace แบบเต็มๆเลยค่ะ จะมีให้เดินลงไปด้วย แต่เราไม่ได้เดิน เพราะเป็นภูมิแพ้ แพ้เกือบทุกสิ่ง






ทานข้าวถ่ายรูปเสร็จมุ่งหน้าไปต่อที่ Tirta Empul Temple หรือวัดที่มีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่คนนิยมมาอาบ และดื่มกัน ใช้เวลาขับรถแค่ 20 นาทีเท่านั้น พอเข้ามาในวัดมีความร่มรื่นมากๆ ชอบมากๆ จ่ายค่าเข้าปกติ ส่วนโสร่งที่ให้เช่าก็บริจาคตามศรัทธาได้เลยค่ะ รู้สึกถึงความขลังจริงๆ ตอนเราไปเหมือนเค้าทำพิธีอะไรกันอยู่ด้วยไม่รู้ แล้วก็มีคนต่อคิวกันอาบน้ำ ในบ่อน้ำมีปลาด้วยยยยค่ะ







เลยเข้าไปอีก 20 นาทีก็มาถึง Oka Agriculture เค้าปิด 6 โมงเย็น โชคดีเรามีถึง ห้าโมงครึ่ง ที่นี่เค้าจะปลูกพืช สมุนไพร เมล็ดกาแฟ และคั่วเอง พอไปถึงเค้าก็จะเอาเครื่องดื่มต่างๆ พร้อมเมนู มาให้เราชิมเลยฟรีๆค่ะ วิวสวยด้วย เราชอบอันไหนก็ค่อยซื้อเป็นผงสำเร็จรูปจากเค้าไป มีขายทั้งใบชา ผงสำเร็จรูป ชอคโกแลตที่ทำจากโกโก้ที่เค้าปลูกเอง ครบค่ะ ส่วนตัวชอบที่นี่ เพลินดี เจ้าของก็น่ารักเป็นกันเองค่ะ





จบแล้ววันนี้นอนใน area Ubud เหมือนเดิมแต่เปลี่ยนเป็นที่ Tejaprana Resort and Spa



วันที่สาม Seminyak

ขอบอกไว้ก่อนเลยว่า วันที่สามกับวันที่สี่ของเรา คือกะสบายๆ Relax อยากใช้ชีวิต Slow Life เลยค่ะ เพราะไม่อยากมาเที่ยวแล้วแบบอัดๆๆๆๆ กลับไปรู้สึกเหมือนไม่ได้มาพักผ่อน
ตื่นสายๆ ทานอาหารเช้าในห้องแล้วก็ ว่ายน้ำเล่น นอนพักอีกนิด ก่อนมุ่งหน้าไป Seminyak ค่ะ ใช้ชีวิตอยู่ใน Seminyak สำหรับวันนี้

เดินทางชั่วโมงนึงก็ถึงวัด Tanah Lot Temple ค่ะ จอดรถเสร็จก็เดินไปที่ตัววัด ตลอดทางเดินก็จะมีตลาดให้เราได้เลือกซื้อของค่ะ ของไม่น่ารักเท่า Ubud Market นะคะ วัดนี้ั้ตั้งอยู่บนทะเลเลยค่ะ สามารถลงไปเดินข้างล่างได้ แต่คลื่นแรงพอสมควรเลยค่ะ




เสร็จจากวัดก็ได้เวลา Relax อีกแล้ว เราจองโต๊ะไว้ที่ Potato Head Beach Club ค่ะ เป็นบาร์ริมทะเลที่มีสระว่ายน้ำติดหาดให้เล่นได้ฟรี เค้าว่ากันว่าที่บาร์ที่ดีที่สุดของที่นี่เลยค่ะ ระบบความปลิดภัยเข้มงวดมากๆ ตรวจทั้งรถทั้งคนก่อนเข้าอย่างละเอียด ปลอดภัยห่างห่วงค่ะ ที่นี่ตกแต่งได้เก๋ไก๋มาก เข้ามารู้สึกแบบโอ้วว สวรรค์ต่างจากด้านนอกมากเลย 555 ร้านนี่ฝรั่งเยอะมากๆ Cocktails อร่อยเกินเอื้อมจริงๆ อาหารรสชาติดีค่ะ แต่ราคาค่อนข้างสูงเทียบกับที่อื่นๆ อย่างมื้อนี้สั่ง เสต็กปลา สปาเกตตี้ทะเล คอกเทลสองแก้ว ราคา 1,000,000 IDR หรือ ประมาณ 2,600 บาทค่ะ








ชิวเสร็จก็มาเช็คอินที่โรงแรม Equilibria Seminyak Hotel ค่ะ 


ถ้าตาม google map มาก็หายากหน่อย เพราะโรงแรมตั้งอยู่ในซอยที่แคบมากๆ 
วนหลายรอบอยู่แค่ในที่สุดก็หาเจอ
ที่นี่เค้าจะมี Butler ส่วนตัวบริการเราเลย อยากได้อะไรกดโทรตรงหา Butler ได้เลยค่ะ เช็คอินอะไรทำในวิลล่าของเราหมด เสร็จเรียบร้อยพอดีมีบอลยูโร คู่ England and Wales พอดี เลยออกมาหาร้านเชียร์บอลค่ะ ขับรถออกมาประมาณ 5 นาทีก็จะถึงถนนเส้นที่มีร้านอาหารกับบาร์มากมายค่ะ เราก็เลือกเอาที่คนเชียร์บอลกันเยอะๆค่ะ

วันที่สี่ Uluwatu

วันนี้ตั้งใจว่าอะ อยากจะเล่นทะเลบ้างอะไรบ้าง ไหนๆก็มีแล้ว วันนี้ใช้ชีวิตอยู่ใน Uluwatu ค่ะ

เริ่มจากไป Uluwatu Temple พอไปถึงจอดรถก็จ่ายค่าเข้าแล้วก็เช่าโสร่งค่ะ บริจาคตามอัธยาศัยได้เลย วัดนี้ตั้งอยู่บนหน้าผาค่ะ จะเห็นคลื่นกระทบแรงมากๆ สวยงามค่ะ
กว่าจะได้รูปคนกลัวความสูงอย่างเราก็หวาดเสียวไม่น้อยเลยค่ะ





เสร็จก็มุ่งหน้าไปเช็คอินที่โรงแรม Hideaways Villa Bali พอเห็นห้องปุ๊บเริ่มลังเลว่าเอ๊ะ เอาไงดี ควรเล่นทะเลไม๊ ห้องส๊วยสวย วิวดี๊ดี เห็นทะเลด้วย แต่ก็นะมาแล้ว ออกไปซะหน่อยก็ได้ค่ะ ก็เตรียมของไป พนักงานที่โรงแรมบอกว่าให้ไป Padang Padang Beach ตั้งอยู่ไม่ไกลโรงแรมค่ะ
เราก็ขับรถไป พอจอดรถ คือต้องเดินลงมาลึกมากๆกว่าจะเจอหาดค่ะ หาดบ้านเค้าก็ไม่ได้เรียบแบบ smooth หินกับเศษแก้วก็มีเดินต้องระวังค่ะ น้ำก็คือเดินสามก้าวแล้วลึกเลย คลื่นแรงมากๆ ตอนคลื่นพัดลงนี่แบบเหมือนทรายดูด ต้องทรงตัวสุดๆ สำหรับใครที่จะเอาลูกมาเล่นนี่อย่าเลยค่ะอันตรายมากๆ เราก็ไม่ได้ตามข่าว สรุปวันนั้นนี่คือมีคนตายด้วย น่ากลัวมากๆ




สำหรับคนที่อยากนั่งชมวิวพระอาทิตย์ตกที่นี่มี Single Fin Bar นะคะ จะเห็นวิวพระอาทิตย์ตกสวยเลย เราเดินผ่านแต่ไม่ได้เข้าไปค่ะ คนเยอะ

แล้วก็รีบกลับมาที่โรงแรมมาดูวิวพระอาทิตย์ตกจากห้องพักค่ะ เพราะพนักงานบอกว่า จากวิลล่าเราจะเห็นพระอาทิตย์ตกสวยพอดี แต่โชคร้ายหน่อยที่วันนั้นฟ้าไม่โปร่งอากาศไม่ดีเลยได้แค่ว่ายน้ำเล่นแต่ไม่เห็นพระอาทิตย์ตกค่า

พอหัวค่ำก็อยากทาน seafood ค่ะ เค้าก็แนะนำให้ไป Jimbaran Beach ซึ่งก็ประมาณ 20 นาทีจากโรงแรมค่ะ มีร้านให้เลือกเยอะมากๆ เหมือนฟิวแบบหัวหิน ที่มีร้านติดๆๆๆกันค่ะ เราก็แรนด้อมเลือกร้านเอามั่วๆ เป็น Furama Restaurant ค่ะ นั่งทานติดหาดเลย 


ของสดใช่ค่ะ แต่รสชาติไม่อร่อยเลย ไม่รู้ทำไมที่นี่อาหารไม่ถูกปากจริงๆ ทานเสร็จก็หาร้านนั่งชิวดูบอลค่ะ เลือกร้านอาหาร Maxican คอกเทลอร่อยค่ะ

วันที่ห้า (วันกลับ)

วันสุดท้ายของทริปนี้ เราก็ต้องรีบไปสนามบินค่ะ ไฟลท์เราออกตอนเที่ยงตรง แล้วเดี๊ยวต้องมีการคืนรถด้วย จากโรงแรมไปสนามบินใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้นค่ะ ไปถึงก็ไปตรงอาคารผู้โดยสารขาออก พนักงานมายืนรอรับรถแล้วค่ะ เป็นการคืนรถที่รวดเร็วมาก
เดินในสนามบินพยายามหา starbuck ค่ะ เพราะอยากกินมากกก แต่ไม่มี ฮือออออ จบทริปค่ะ



สำหรับประเทศนี้ถ้าใครหวังจะมาหาดสวยน้ำใส ไม่ใช่ที่นี่แน่ๆค่ะ แต่วัดเค้าสวยจริงๆ โทนสีจะต่างจากบ้านเราคือจะเป็นสีเทาเข้มถึงดำค่ะ และที่นี่เป็นสวรรค์ของนักsurf เลยค่ะ

Comments

Popular posts from this blog

ไหว้พระขอพรที่พม่า ทริปหนึ่งวันเช้ากลับเย็น

เที่ยวอิหร่าน ซึมซับความสวยงามของวัฒนธรรมเปอร์เซีย Part1

Amazing Oman Part I